การไปเที่ยวต่างประเทศโดยเฉพาะฝั่งยุโรปหลายคนมองว่ามันช่างอยากเย็นแสนเข็ญ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องภาษา วีซ่า โอ้ยย…ปวดหัวตั้งแต่ยังไม่แพ็คกระเป๋า… แต่ช้าก่อน การไปเที่ยวต่างประเทศ ฝั่งยุโรปอย่างประเทศสเปน นั่นจะง่ายยิ่งกว่าปอกกล้วย ด้วยทริคที่ R-U-GO ใช้มาแล้วอย่างเห็นผล นั่นก็คือ…..
R-U-GO.COM: ถ้าอยากไปเที่ยว Spain ให้ easy R-U-GO –ขอแนะนำทริคที่ใช้ได้ผล นั่นก็คือชายหนุ่มอบอุ่น รุ่นใหญ่ ใจดีไลออนโสภณ สา สกุล โทร. 08 1807 0801 คนนี้จะมีหน้าที่ทำเรื่องอยากๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องวีซ่า ค่าตั๋ว ที่พัก อาหารการกิน เขาคนนี้จะทำหน้าที่บริการให้ท่านไปเที่ยวอย่างสะดวก สบาย ส่วนเรามีหน้าที่แค่แพ็คกระเป๋า เหมือนทริปสเปนครั้งนี้ แม้จะเป็นการไปยุโรปครั้งแรกก็แสนจะ easy กลายเป็นความทรงจำดีๆ ที่ไม่รู้ลืม
Hello Spain, good morning Valencia
วาร์ปจากสุวรรณภูมิมาหล่นตุ๊บ ณ เมือง Valencia ด้อวยอุณภูมิเลขตัวเดียว เมื่อลมหนาวที่ไม่เคยสัมผัสได้ในเมืองไทยผ่านวูบมากระทบใบหน้าเหมือนเตือนว่าที่นี่คือบาเลนเซียนะจ๊ะ
Valencia ที่เรายืนอยู่นี้เป็นเมืองหลวงของแคว้นบาเลนเซีย โดยตั้งอยู่ทางตอนกลางค่อนไปทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศสเปน บนฝั่งแม่น้ำตูเรีย เป็นเมืองเก่าเเก่ที่มีความสำคัญทั้งเชิงของการค้าเเละประวัติศาสตร์ เพราะเมืองนี้ได้สร้างกันมาตั้งเเต่สมัยโรมันเข้ามาปกครองดินเเดนในยุโรปในชื่อว่า Valentia Edetanorum ทำให้มีสิ่งก่อสร้างที่เป็นสถาปัตยกรรมของโรมันมากมายให้อยู่เห็นทั่วเมือง ณ ปัจจุบัน ได้กลายเป็นเมืองท่องเที่ยว สร้างความประทับใจให้แก่อาคันตุกะมาแล้วนับไม่ถ้วน จะไม่ให้ประทับใจจ๊อดได้อย่างไรเล่า เพราะมองไปทางไหนก็จะสัมผัสได้ถึงความโอ่อ่าของสถาปัตยกรรมที่แสนจะหรูหราสไตล์โรมัน
ที่บาเลนเซียแห่งนี้มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายโดยเฉพาะย่านเขตเมืองเก่าที่เต็มไปด้วยอาคารที่มีสถาปัตยกรรมโบราณอ โดยเเต่ละเเห่งนั้นก็ได้รับการอนุรักษ์เเละบูรณะไว้อย่างสวยงามสมบูรณ์ โดยในส่วนของ จัตุรัสใจกลางเมืองเก่า จะเป็นบริเวณที่ตั้งของศาลากลางเมือง รวมทั้งที่ทำการไปรษณีย์เเละสนามสู้วัวกระทิง เเละยังมีร้านรวงมากมายประดุจสรวงสวรรค์ของสาวขาช้อป
และหนึ่งไฮไลท์คือการไปเยือน สโมสรฟุตบอลบาร์เซโลนา หรือเรียกสั้น ๆ ว่า บาร์เซโลนา หรือคุ้นเคยในอีกชื่อว่า บาร์ซาสโมสรฟุตบอลบาร์เซโลนาเป็นผู้ชนะเลิศในถ้วยสเปนปัจจุบัน เป็นสโมสรสเปนที่ประสบความสำเร็จในฟุตบอลสเปน ในแง่ของจำนวนถ้วยรางวัลภายในประเทศและทุกถ้วย
โดยจะเปิดให้บรรดาแฟนๆ และนักท่องเที่ยวเข้าไปเที่ยวชมได้ ในส่วนชั้นล่างนั้นได้จัดทำเป็นพิพิธภัณฑ์สโมสร เพื่อทำหน้าที่บอกเล่าเรื่องราวความยิ่งใหญ่ของวังค้างค้าวไฟแห่งนี้ว่ามีความอหังการ์แค่ไหน และที่ขาดไม่ได้ของการมาที่นี่นั้นก็คือการแวะเข้าช็อปของสโมสร ซึ่งภายในช็อปจะละลานตาด้วยสินค้า ของที่ระลึกถ้าสติหลุดลอย เงินในกระเป๋าของคุณก็จะล่องลอยออกไปได้ง่ายๆ เช่นกัน
หุบเขามองเซอร์รัต
นี่คือความอลังการของธรรมชาติ ที่จะทำให้คุณตื่นตาและประหลาดในความงามที่ยิ่งใหญ่ ที่ธรรมชาติได้รังสรรค์ขึ้นอย่างลึกลับ เทือกเขาแห่งนี้มีความยาวสิบกิโลเมตร มีความสูงรา 1236 เมตรบนภูเขาที่อยู่ใกล้หน้าผาจะมีวิหารเบเนดิกติน วิหารมองเซอร์รีต มหาวิหารวาเลนเซียหรือมหาวิหารซานตามาเรียทำให้เทือกเขาแห่งนี้กลายเป็นจุดนัดพบของเหล่านักแสวงบุญจากทั่วทุกมุมโลก
จัตตุรรัสซิเบเลส (Plaza de la Cibeles)
เป็นสถานที่สุดชิคเหมาะแก่การมาเช็คอิน เพราะเป็นสถานที่สุดฮิปแห่งหนึ่งของสเปน ว่ากันว่านี่คือวงเวียนสำคัญที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของมาดริด งดงามด้วยอนุสาวรีย์น้ำพุไซเบเลส (Cibeles Fountain ) ที่สร้างอุทิศให้แก่เทพธิดาไซเบลีน เป็นวงเวียนขนาดใหญ่ ที่เชื่อมระหว่างถนนสายสำคัญๆของมาดริด ซึ่งอาคารบริเวณนี้มีสถาปัตยกรรมที่โอ่อ่าสวยงาม
เมืองเซโกเบีย เมืองมรดกโลกแห่ง แคว้นคาสตีล และเลออน
เมืองเซโกเบียแห่งนี้เป็นที่ตั้งของสถานที่สำคัญมากมาย ได้แก่ มหาวิหาร สะพานส่งน้ำโรมันที่มีชื่อเสียง ปราสาท และโบสถ์หลายแห่งที่เป็นสถาปัตยกรรมแบบโรมาเนสก์ (เป็นคำที่บรรยายลักษณะสถาปัตยกรรมตะวันตกที่เริ่มราวปลายคริสต์ศตวรรษที่ 10 ไปจนถึงสมัยสถาปัตยกรรมกอธิคระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 12 สถาปัตยกรรมโรมาเนสก์ที่อังกฤษจะเรียกกันว่า “สถาปัตยกรรมนอร์มัน”) เช่น ซานเอสเตบัน ซานมาร์ติน และซานมียาน
ในเขตเมืองเก่าจะงดงามแบบขลังๆ ที่รายล้อมไปด้วยกำแพงที่สร้างมาตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 8 ที่ได้รับการบูรณะในระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 15 ปัจจุบันเป็นแหล่งมรดกโลกตามการประกาศจากองค์การยูเนสโก
ส่วนไฮไลท์ของเมืองต้องยกให้ สะพานส่งน้ำโบราณ (roman Aqueduct of Segovia) ณ ปัจจุบัน สะพานแห่งนี้กลายเป็นสัญลักษณ์ที่มีชื่อเสียงของเมืองที่ใครๆ ต่างต้องมาชื่มชมความงาม
โดยสะพานส่งน้ำแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในปลายคริสต์ศตวรรษที่ 1 ถึงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 2 โดยชาวโรมันขณะที่กำลังขยายอำนาจในคาบสมุทรไอบีเรียเพื่อนำน้ำจาก แม่น้ำฟรีโอ (Río Frío) ซึ่งห่างออกไปประมาณ 18 กิโลเมตรเข้าสู่ตัวเมือง ซึ่งต้องยกระดับตัวสะพานขึ้นในช่วง 1 กิโลเมตรสุดท้ายจากภูเขากวาดาร์รามาถึงกำแพงเมืองเก่า
สถานที่ต่อมาที่คุณจะต้องทึ่งกับความงดงามทางด้านสถาปัตยกรรม คือ ปราสาทแห่งเซโกเบีย หรือ ปราสาทอัลคาซาร์ (Segovia Castle) ตั้งอยู่บนชะง่อนผาสูงที่แม่น้ําสองสาย ไหลมาบรรจบกัน ปราสาทแห่งนี้ได้สร้างขึ้นในสมัยศตวรรษที่ 13 แล้วได้รับการต่อเติมในศตวรรษที่15 และ 16 มีลักษณะเหมาะแก่การตั้งรับข้าศึกในอดีต เพราะมีทั้งช่องขนาดใหญ่ใช้ติดตั้งอาวุธ และมีช่องเทน้ำร้อนเดือดๆ เพื่อทําลายข้าศึกที่เข้าประชิดกําแพงเมือง
ภายในปราสาทได้จัดให้เป็นพิพิธภัณฑ์แสดงของมีค่าทางประวัติศาสตร์ทั้งหลาย ห้องใต้หลังคาเป็นที่แสดงแสนยานุภาพของอาวุธในสมัยกลาง รวมถึงเครื่องใช้ในอดีต ต่อมา ปี ค.ศ.1975 ยูเนสโก้ได้ขึ้นทะเบียนให้เมืองเซโกเบียเป็นมรดกโลกทางศิลปวัฒนธรรม
ตลอดระยะเวลา 8 วัน 5 คืน ณ ประเทศสเปนในครั้งนี้ ทำให้รู้ว่าการเที่ยว Spain ให้ easy ไม่ต้องพึ่งมันนี่อันมากมายแค่พึ่งผู้ชายที่ชื่อโสภณ สาสกุลคนนี้ ที่ถนัดทำเรื่องยากๆ ให้เป็นเรื่องง่าย คุณก็จะสุขสบายในการออกไปท่องโลกกว้างแล้ว
อยากไปเที่ยวยุโรปแบบง่ายๆ โทรไปหาผู้ชายคนนี้เลย “ไลออนโสภณ สาสกุล โทร.08 1807 0801”